เอ็กโก กรุ๊ป โชว์ความสำเร็จเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงผสม “ลินเดน โคเจน หน่วยที่ 6” สหรัฐอเมริกา

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป ประกาศความสำเร็จในการทดสอบเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงผสม “ลินเดน โคเจน หน่วยที่ 6” สหรัฐอเมริกา ซึ่งโรงไฟฟ้าจะสามารถใช้เชื้อเพลิงร่วมกันระหว่างก๊าซธรรมชาติและก๊าซที่เกิดจากกระบวนการผลิตของโรงกลั่นที่มีไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบ เทคโนโลยีดังกล่าวนี้จะช่วยควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยการลดปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติในกระบวนการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำลง

 

การปรับปรุงเครื่องกังหันก๊าซของโรงไฟฟ้าลินเดน โคเจน หน่วยที่ 6 ทำให้โรงไฟฟ้าสามารถใช้ก๊าซที่เกิดจากกระบวนการผลิตของโรงกลั่นที่มีไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบ จากโรงกลั่นน้ำมันเบย์เวย์ (Bayway Refinery) ของบริษัท ฟิลิปส์ 66 (Phillips 66) โดยนำมาผสมเป็นเชื้อเพลิงร่วมกับก๊าซธรรมชาติที่ใช้อยู่เดิม การปรับปรุงดังกล่าวนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยรวมของโรงไฟฟ้าลินเดน โคเจน และโรงกลั่นน้ำมันเบย์เวย์ ในขณะเดียวกัน ยังช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยรวมประมาณ 10% ของปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในแต่ละปีของโรงไฟฟ้าลินเดน โคเจน หน่วยที่ 6 นอกจากนี้ ยังช่วยควบคุมการปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) จากเครื่องกังหันก๊าซให้เป็นไปตามมาตรฐานที่เข้มงวดอีกด้วย ซึ่งสะท้อนความมุ่งมั่นของโรงไฟฟ้าที่ใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

 

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า “เอ็กโก กรุ๊ป ส่งเสริมแผนการใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า โดยมีความเชื่อมั่นว่าเชื้อเพลิงไฮโดรเจนจะเป็นพลังงานทางเลือกที่สำคัญและมีศักยภาพรองรับการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสีเขียว รวมถึงมุ่งมั่นผลักดันการใช้เชื้อเพลิงต่าง ๆ ที่สะอาดขึ้นและพัฒนาเทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ความสำเร็จของการนำไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงผสมในการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าลินเดน โคเจน หน่วยที่ 6 นี้ จะช่วยสนับสนุนเป้าหมายระยะกลางของเอ็กโก กรุ๊ป ในการลดการปล่อยปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้ลง 10% ภายในปี 2573 ในขณะเดียวกัน ยังสอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจ ภายใต้แนวคิด “Cleaner, Smarter and Stronger to Drive Sustainable Growth” ที่มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดในความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2593”

Visitors: 2,012,136