กรมธุรกิจพลังงาน คาดการณ์ครึ่งปีหลังการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 เป็นต้นไป การจำหน่ายน้ำมันทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซลทุกชนิดจะต้องเปลี่ยนเป็นน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ตามกฎหมาย

นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 นี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายจะต้องจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐานยูโร 5 ( EURO 5) ตามที่กฎหมายกำหนด โดยตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมาโรงกลั่นน้ำมันทุกแห่งในไทยได้เตรียมความพร้อมรองรับการผลิตน้ำมันยูโร 5 แล้ว ดังนั้นตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 น้ำมันที่จำหน่ายในไทยทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซลจะเปลี่ยนจากมาตรฐานยูโร 4 เป็นยูโร 5 แทน การเปลี่ยนแปลงมาตรฐานคุณภาพน้ำมันเป็นยูโร5 ดังกล่าวจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดสารกำมะถัน และส่งผลต่อการลดค่าฝุ่น PM 2.5 ลงด้วย แต่ยอมรับว่ามาตรฐานน้ำมันที่สูงขึ้น ย่อมส่งผลต่อต้นทุนการผลิตและส่งผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันบ้างแต่ไม่มากนัก

ทั้งนี้มีการคาดการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากนี้จนถึงสิ้นปี 2566 คาดว่าภาพรวมโดยเฉพาะครึ่งปีหลังการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาการขนส่งและการใช้พลังงานปริมาณมาก โดยคาดว่าจะมีการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนี้ น้ำมันกลุ่มเบนซินปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.8 น้ำมันกลุ่มดีเซลปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.7 น้ำมันเตาปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.2 และ LPG ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 โดยการคาดการณ์ของกรมสอดคล้องกับการคาดการณ์ของหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ กรมคาดว่าการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย ปี 2566 ในภาพรวมยกเว้นน้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) จะกลับมาใกล้เคียงปี 2562 เนื่องจากหลายประเทศยังคงมาตรการจำกัดการเดินทาง ประกอบกับสายการบินอยู่ระหว่างการฟื้นฟู

ส่วนภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง รอบ 4 เดือน ของปี 2566 (เดือนม.ค.-เม.ย.) พบว่ายอดใช้น้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 158.86 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565  และคาดว่าในครึ่งหลังปี 2566 การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศอย่างชัดเจน

โดยการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเดือน ม.ค.- เม.ย. 2566 ของน้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.86 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน  5.8% สำหรับการใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ 74.63 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 3.4% เนื่องจากเดือน เม.ย. 2565 มีการใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็วสูง เนื่องจากการคลายความกังวลของประชาชนจากการผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของ COIVD-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ส่งผลต่อการเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้น 

ส่วนการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 13.89 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 92.4% ตามมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของหลายประเทศ สำหรับการใช้ก๊าซหุงต้ม ( LPG ) เฉลี่ยอยู่ที่ 17.18 ล้านกิโลกรัมต่อวัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน  3.3%  และการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ ( NGV ) เฉลี่ยอยู่ที่ 3.50 ล้านกิโลกรัมต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.4% 

ขณะที่การนำเข้า-ส่งออกน้ำมันของไทยในรอบ 4 เดือนนั้น พบว่าปริมาณการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงรวม เฉลี่ยอยู่ที่ 1,098,731 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.9% และปริมาณส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปรวม อยู่ที่ 151,539 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 2.6% คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 15,164 ล้านบาทต่อเดือน

Visitors: 2,012,270