SCAP ควบรวมหนุนกำไร Q3/65 โตกว่า 334 ล้านบาท ส่งซิกปล่อยสินเชื่อใหม่เข้าเป้าก่อนจบปี 65

 บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) เดินหน้าทำกำไรหลังควบรวมกิจการ กวาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 334.08 ล้านบาท ดันรายได้รวมทะลุพันล้านฟากผู้บริหาร ธิติธรรม โรจนพฤกษ์ ยิ้มรับผลการดำเนินงาน เข็นธุรกิจลิสซิ่งมอไซค์ใหม่และพีโลนทำกำไรต่อเนื่อง ส่งสัญญาณโค้งสุดท้ายปล่อยสินเชื่อใหม่ 1.1 หมื่นล้าน เข้าเส้นชัยเร็วขึ้นกว่ากำหนด มั่นใจธุรกิจใหม่ภายใต้ชื่อ SCAP พร้อมสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้น

ธิติธรรม โรจนพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) หรือ SCAP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2565 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิรวม 334.08 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 7.03% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทมีรายได้รวม 1,023.35 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 59.81% เมื่อเทียบกับรายได้ไตรมาสที่ ของปีก่อน อยู่ที่ 640.35 ล้านบาท โดยการเติบโตในช่วงไตรมาสที่ ของปีนี้ เกิดจากการควบรวมกิจการของบริษัทอย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่อบริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) สนับสนุนให้รายได้และกำไรเติบโตเพิ่มขึ้น

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน มีรายได้รวม 2,546.11 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 27.76% เมื่อเทียบกับรายได้  9 เดือนของปีก่อนอยู่ที่ 1,992.83 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 833.67 ล้านบาท โดยรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนกำไรสุทธิยังอยู่ในระดับทรงตัว

ผลงานไตรมาสที่ และช่วง เดือนแรก ผมมองว่าเติบโตได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะไตรมาสที่ เห็นชัดเจนจากการควบรวมกิจการเข้าด้วยกัน สร้างโอกาสเติบโตจากธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตดีในอนาคต ส่วนแนวโน้มในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้มองว่าสดใสเป็นอย่างมาก เพราะดีลเลอร์พร้อมใจกันออกแคมเปญเพื่อกระตุ้นยอดขายส่งท้ายปี ซึ่งลูกค้ามักจะใช้โอกาสนี้ตัดสินใจเพื่อความคุ้มค่าจากกำลังซื้อที่มี เช่นเดียวกับสินเชื่อส่วนบุคคลที่เห็นสัญญาณการขอสินเชื่อเพิ่มขึ้นเพื่อนำมาจับจ่ายใช้สอยส่งท้ายปี ฉะนั้นเมื่อทิศทางของธุรกิจเป็นไปตามคาด เชื่อว่ายอดปล่อยสินเชื่อใหม่และรายได้ของปีนี้จะเข้าเป้าอย่างแน่นอน” ธิติธรรม กล่าว

สำหรับไตรมาสที่ 4/65 โค้งสุดท้ายของปีนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ระดับ 11,000 ล้านบาทตามเป้าหมายได้เร็วกว่ากำหนด เนื่องจากได้ปัจจัยสนับสนุนจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจที่ประชาชนเริ่มจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี หนุนให้เกิดการขอสินเชื่อเพิ่มขึ้น และการเปลี่ยนรถจักรยายนต์ใหม่เพื่อนำมาใช้งานในชีวิตประจำวันในช่วงปลายปี 2565 จนถึงต้นปี 2566 ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับลูกค้าที่ต้องการมีรถจักรยานยนต์ไว้ใช้ก่อนมีการปรับเงื่อนไขการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อซึ่งมีแนวโน้มยากขึ้น ทั้งนี้เชื่อว่าธุรกิจใหม่ที่เราได้ดำเนินการหลังจากการควบรวม จะสามารถสร้างการเติบโตภายในเครือศรีสวัสดิ์ได้ และ SCAP จะสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงในฐานะหุ้น Growth Stock ในอนาคต

Visitors: 2,011,889