BKH-ICD พร้อมด้วยบริษัทเดินเรือชั้นนำและผู้ให้บริการขนส่งรายใหญ่จากภาคใต้ของประเทศไทย จัดงานนำเสนอและแจ้งข้อมูลความคืบหน้าเกี่ยวกับท่าเรือบกแห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดให้บริการที่เมืองบูกิตกายูฮีตัม รัฐเกอดะฮ์ งานนี้มีบุคคนสำคัญเข้าร่วม ได้แก่ นายรัษฎา จิวาลัย กงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง นายเผดิมเดช มั่งคั่ง นายด่านศุลกากรสะเดา และ ดร.ไพโรจน์ ชัยจิรติกุล รองประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา
ช่วงเวลาแห่งความทรงจำกับแขกผู้มีเกียรติและลูกค้าเป้าหมายจากภาคใต้ของประเทศไทย |
ท่าเรือบกแห่งใหม่นี้จะเชื่อมและตั้งอยู่ติดกับศูนย์ตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร ศูนย์กักกันและรักษาความปลอดภัย (ICQS) ของเมืองบูกิตกายูฮีตัม โดยคาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในการลดความยุ่งยากและช่วยพัฒนาการค้าข้ามพรมแดน การพัฒนาดังกล่าวเป็นการร่วมทุนเชิงกลยุทธ์กับ One Northern Hub Sdn. Bhd. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ PKT Logistics Group Sdn. Bhd. และ Northern Gateway Sdn. Bhd. ("NGX") ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่กระทรวงการคลังมาเลเซียถือหุ้นทั้งหมดเพื่อพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนเดลาปัน (SBEZ) เมืองบูกิตกายูฮีตัม รัฐเกอดะฮ์
ท่าเรือบก BKH-ICD จะมีการติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ประกอบไปด้วยระบบปฏิบัติการของท่าเทียบเรือ ระบบควบคุมประตู ระบบรักษาความปลอดภัย และบริการสำหรับการดำเนินงานของรถคานเคลื่อนที่ยกตู้สินค้า สามารถรองรับตู้คอนเทนเนอร์ที่ความจุถึง 240,000 ฟุต หรือ 12,000 TEU ต่อปี
Dato' Seri (Dr.) Michael Tio ประธานกลุ่มเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการของ PKT Logistics Group Sdn Bhd กล่าวว่า "เราเล็งเห็นว่า BKH-ICD จะสร้างประโยชน์มหาศาลให้กับธุรกิจขนส่งสินค้า ธุรกิจส่งออก และบริษัทเดินเรือทั่วภูมิภาค นี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเนื่องจากการค้าชายแดนระหว่างมาเลเซียและไทยพุ่งขึ้นเป็น 7.9 หมื่นล้านริงกิตมาเลเซียในปี 2564 และคาดว่าจะเติบโต 6% ต่อปี จากการสร้างประโยชน์ทางธุรกิจการค้าขนาดใหญ่นี้ BKH-ICD จึงตั้งเป้าที่จะสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมในเมืองบูกิตกายูฮีตัมและพื้นที่โดยรอบผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนกับ NGX"
"BKH-ICD ครอบคลุมพื้นที่ 50 เอเคอร์ซึ่งมีมูลค่าการพัฒนาประมาณ 200 ล้านริงกิตมาเลเซีย เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่ยั่งยืน ประกอบด้วยโครงการทั้งหมด 4 ส่วน ได้แก่ ท่าเรือบก BKH-ICD (เฟส 1) และคลังสินค้า Blackwood Forest (เฟส 2) ซึ่งทั้งสองเฟสอยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 โครงการก่อสร้าง Blackwood Complex (เฟส 3) จะเริ่มดำเนินการในเร็ว ๆ นี้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 ขณะที่ศูนย์กลางโลจิสติกส์ได้รับการออกแบบด้วยระบบนิเวศล้ำสมัยที่จะส่งเสริมการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน และยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางให้กับคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวที่แวะเปลี่ยนพาหนะในการเดินทาง สิ่งดังกล่าวสอดคล้องกับพันธกิจของ PKT Logistics Group อย่างเห็นได้ชัดที่ตั้งใจจะพัฒนาศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนพร้อมคลังสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการมีส่วนร่วมกับชุมชนรอบตัว"
"เรามีการรองรับท่าเรือบกด้วยคลังสินค้า Blackwood Forest ที่มีพื้นที่จัดเก็บขนาด 215,000 ตารางฟุต ควบคู่ไปกับการเปิดให้บริการห้องรับรองที่ออกแบบอย่างมีรสนิยมและสะดวกสบายสำหรับผู้ทำธุรกิจการเดินเรือ ธุรกิจขนส่งสินค้า และอื่น ๆ"
Tio กล่าวเพิ่มเติมว่า "Blackwood Complex จะมีบริการด้านสถาบันการศึกษา ร้านค้าปลีก พื้นที่ทำงานร่วมกัน โรงยิมและห้องรับรอง สำนักงาน เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และที่จอดรถจำนวนหลายชั้น นอกจากให้บริการแก่ผู้ใช้ท่าเรือบกแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดพักเชิงยุทธศาสตร์สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางข้ามพรมแดน โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์พักผ่อนและนันทนาการที่สะดวกสบาย พร้อมศูนย์อาหาร ร้านสะดวกซื้อ คาเฟ่ และอื่น ๆ"
ในขณะเดียวกัน Razwin Sulairee ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ NGX กล่าวว่าการเป็นหุ้นส่วนกับ PKT Logistics ที่ Delapan มีความได้เปรียบด้านการแข่งขันอย่างมากในการลดความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อนักลงทุนทั้งในปัจจุบันและอนาคต
"การพัฒนานี้เกิดจากความถดถอยทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นหลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 และการเสื่อมถอยทางการเมืองมากมายทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก อย่างไรก็ตาม ความท้าทายด้านการดำเนินงานและสถานการณ์เหล่านี้ทำให้เรามีข้อได้เปรียบที่ชัดเจนบางประการในการสร้างโซลูชันที่มีคุณค่าสำหรับพันธมิตรระดับโลกและระดับภูมิภาคของเรา"
"ธุรกิจต่าง ๆ ที่ดำเนินการที่เขตเศรษฐกิจพิเศษเดลาปันจะได้รับประโยชน์มากมายในการบรรเทาปัญหาห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ที่เกิดจากการชะงักงันต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อภูมิภาคทางทะเล เช่น ทะเลจีนใต้ ในกรณีนี้ มูลค่าการค้าโลกต่อปีประมาณ 3.37 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐอาจได้รับผลกระทบ"
"ดังนั้นเราจึงนำเสนอเดลาปันเป็นทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์สำหรับความท้าทายด้านซัพพลายเชนที่พันธมิตรของเราต้องเผชิญ ซึ่งเป็นความท้าทายที่จัดการได้ยาก ท่าเรือบกของเราตั้งอยู่ที่ กม. 0.8 ของ North South Expressway ที่ทางแยกของ Asia Highway Network 2 ซึ่งจะเชื่อมคุณกับมาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย อินโดจีน จีน และประเทศอื่น ๆ ได้โดยตรง
"สิ่งนี้ทำให้เดลาปันเป็นโซลูชันที่เร็วที่สุดสำหรับการเข้าถึงตลาดโลกได้อย่างง่ายดายและไร้รอยต่อผ่านการขนส่งทางถนนและเครือข่ายภาคพื้นดิน โดยไม่มีความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้นอันเป็นผลมาจากสถานการณ์ในทะเลจีนใต้"
เขากล่าวว่าธุรกิจที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจเนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 ไม่อาจสูญเสียจากสิ่งที่คาดเดาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว "ดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นที่จะจัดหาทางเลือกที่มั่นคงให้กับพันธมิตรของเราเพื่อบรรเทาความสูญเสียจากปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเขาให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BKH-ICD