กก.คพ. ให้ความเห็นชอบมาตรฐานการระบายมลพิษเพื่อลดฝุ่น PM2.5 – ควบคุมน้ำเสีย ที่เข้มข้นขึ้น

กก.คพ. ให้ความเห็นชอบมาตรฐานการระบายมลพิษเพื่อลดฝุ่น PM2.5 – ควบคุมน้ำเสีย ที่เข้มข้นขึ้น

 คณะกรรมการควบคุมมลพิษ (กก.คพ.) การประชุมให้ความเห็นชอบมาตรฐานควบคุมการระบายมลพิษทางด้านอากาศและน้ำทิ้งที่เข้มข้นขึ้น ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาขึ้นและการประกอบการทางธุรกิจ เพื่อลดการระบายมลพิษและยกระดับคุณภาพสิ่งแวดล้อม ดังนี้

 1.มาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศจากรถจักรยานยนต์ใหม่ ประเทศไทยมีการใช้รถจักรยานยนต์มากถึง 51% เมื่อเทียบกับรถทุกประเภททั้งหมดที่มีประมาณ 45 ล้านคัน ปัจจุบันมาตรฐานควบคุมการปล่อยมลพิษจากรถจักรยานยนต์ใหม่เทียบเท่ามาตรฐานยูโร 4 บังคับใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2563 จึงเป็นช่วงเวลาที่จำเป็นจะต้องมีการปรับค่ามาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศจากรถจักรยานยนต์ใหม่ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาขึ้นมา เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลา สำหรับการกำหนดมาตรฐานยูโร 5 จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ก๊าซไฮโดรคาร์บอน (HC) และไนโตรเจนออกไซด์ (NOX) ลงอีก 12.3% 73.7% และ 14.3% นอกจากนี้ ได้มีข้อกำหนดที่เพิ่มเติมจากมาตรฐานยูโร 4 ให้ต้องควบคุมการปล่อยฝุ่นละอองและก๊าซไฮโดรคาร์บอนที่ไม่ใช่มีเทน รวมถึงกำหนดให้ต้องติดตั้งอุปกรณ์วินิจฉัยมลพิษ (OBD: On-Board Diagnostic) ที่จะใช้ตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงการทำงานของเครื่องยนต์และอุปกรณ์ควบคุมมลพิษไม่ให้ผิดไปจากค่าที่ตั้งไว้จากโรงงาน ซึ่งจะส่งผลให้มลพิษจากรถจักรยานยนต์ที่ปล่อยออกสู่บรรยากาศลดลงและควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานได้ตลอดระยะเวลาการใช้งาน และเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่เทียบเท่ามาตรฐานยูโร 6 ของรถยนต์เบนซิน โดยจะให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2572 เป็นต้นไป

2.มาตรฐานค่าควันดำจากรถยนต์ดีเซล เป็นเครื่องมือสำคัญหนึ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง

ขนาดเล็ก PM2.5 ที่เป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย ซึ่งแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในเมือง ส่วนใหญ่มาจากภาคคมนาคมขนส่ง โดยเฉพาะรถยนต์ดีเซลปรับเกณฑ์มาตรฐานควันดำจากเดิมกำหนดให้ไม่เกินร้อยละ 30 เป็นไม่เกินร้อยละ 20 ซึ่งจะสามารถควบคุมการปล่อยฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ออกสู่บรรยากาศจากแหล่งกำเนิดประเภทรถยนต์ดีเซลที่มีจำนวนกว่า 12 ล้านคันทั่วประเทศ

3.มาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากสถานีบริการน้ำมัน ปัจจุบันสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงมีการประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) นอกเหนือจากการจำหน่ายน้ำมัน อาทิ ร้านค้า ร้านอาหาร บริการเกี่ยวกับรถยนต์ จึงต้องกำหนดให้มีการบำบัดน้ำเสีย และได้ปรับปรุงพารามิเตอร์และค่าควบคุมให้ครอบคลุมมลพิษที่เกิดขึ้นและได้ให้ความเห็นชอบกับ (ร่าง) รายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย ปี 2567 โดยในภาพรวมสถานการณ์มลพิษปี 2567 เปรียบเทียบกับ ปี 2566 จำนวน 20 ประเด็น พบว่าสถานการณ์ดีขึ้น จำนวน 12 ประเด็น ได้แก่ คุณภาพน้ำผิวดิน คุณภาพน้ำทะเล คุณภาพอากาศในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล หมอกควัน 17 ภาคเหนือ  สารเบนซีน และ สาร 1,3 - บิวทาไดอีน ในพื้นที่มาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียงจ.ระยอง ปริมาณการนำขยะมูลฝอยกลับมาใช้ประโยชน์ และการกำจัดอย่างถูกต้อง ขยะทะเลที่จัดเก็บได้มีจำนวนลดลง การนำเข้าวัตถุอันตรายภาคอุตสาหกรรม มูลฝอยติดเชื้อ สถานการณ์ที่ต้องเฝ้าติดตาม จำนวน 3 ประเด็น ได้แก่ ปริมาณการเกิดขยะมูลฝอย ของเสียอันตรายชุมชน และ ฝุ่นละออง PM10 บริเวณหน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี สถานการณ์คงที่ ไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา จำนวน 4 ประเด็น ได้แก่ คุณภาพน้ำบาดาล ระดับเสียงในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และในต่างจังหวัด ทั้งบริเวณพื้นที่ทั่วไปและริมถนน และสาร 1,2 – ไดคลอโรอีเทนในพื้นที่มาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียง

Visitors: 2,980,280