สำนักงาน คปภ. และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เดินหน้าป้องปรามการฉ้อฉลประกันภัย หลังพบการจัดฉากเคลมค่าสินไหมทดแทนรวมกว่า 14 ล้านบาท

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานงานแถลงข่าว ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยไทย โดยนายสมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กรณีพบว่ามีกลุ่มบุคคลวางแผนจัดทำประกันภัยรถยนต์หลายฉบับ และสร้างสถานการณ์อุบัติเหตุทางรถยนต์ เพื่อนำไปสู่การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน รวมมูลค่ากว่า 14 ล้านบาท ตามที่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อต่าง ๆ นั้น

จากการตรวจสอบพบว่า รถกระบะ 3 คันที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว มีกรมธรรม์ประกันภัยซ้ำซ้อนรวม 34 ฉบับ จากบริษัทประกันภัย 15 แห่ง โดยกรมธรรม์ส่วนใหญ่จัดทำขึ้นภายใน 10 วัน ก่อนเกิดเหตุ และบางฉบับทำขึ้นในวันเกิดเหตุ นอกจากนี้ ไม่มีการแจ้งเหตุไปยังบริษัทประกันภัยทั้ง 15 แห่งในวันเกิดเหตุ และไม่พบรายงานการเข้าตรวจสอบจากหน่วยกู้ชีพ ขณะที่ลักษณะบาดแผลของผู้เสียชีวิตไม่สอดคล้องกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น อีกทั้งญาติของผู้เสียชีวิตไม่ได้ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตและปฏิเสธการ  ชันสูตรพลิกศพ ความร้ายแรงที่เกิดขึ้นจึงอาจเข้าข่ายเป็นการฉ้อฉลประกันภัย เพราะถือเป็นกรณีที่ไม่เคยได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติการณ์ในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนโดยมีเจตนาทุจริตจากการทำประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (พ.ร.บ.) และกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจหลายฉบับซ้ำซ้อนกันดังเช่นกรณีนี้มาก่อน โดยเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 สำนักงาน คปภ. ได้หารือร่วมกับบริษัทประกันภัย   ที่เกี่ยวข้อง และมีมติให้แจ้งความร้องทุกข์ต่อสถานีตำรวจภูธรเมืองสกลนคร ในข้อหาฉ้อฉลประกันภัย ซึ่งเป็นความผิดที่มีโทษทางอาญา

เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงาน คปภ. ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาระบบการป้องกันการฉ้อฉลประกันภัย  โดยได้พัฒนาและจัดทำระบบฐานข้อมูลรายงานการฉ้อฉลด้านการประกันภัยด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อช่วยตรวจจับพฤติกรรมที่น่าสงสัย อาทิ การทำประกันภัยซ้ำซ้อนในระยะเวลาสั้น ๆ หรือการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยด้วยรถยนต์ทะเบียนเดียวกันสูงผิดปกติ ภายในระยะเวลา 90 วัน หรือตรวจพบการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนบ่อยครั้งในช่วงระยะเวลา 90 วัน   เป็นต้น ซึ่งเมื่อระบบดังกล่าวตรวจพบความผิดปกติ จะมีการแจ้งเตือนให้ทราบทันที และจะมีการเรียกบริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือก่อนดำเนินการในลักษณะเช่นเดียวกับกรณีนี้ โดยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถปรับเงื่อนไขการตรวจจับการฉ้อฉลประกันภัยได้ตลอดเวลา เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการติดตามและดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิด โดยสำนักงาน คปภ. จะส่งสำนวนให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้   การกำกับของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นผู้ดำเนินคดี หรือแจ้งความร้องทุกข์ต่อสถานีตำรวจที่มีเขตอำนาจ  โดยดำเนินคดี ฉ้อฉลประกันภัยไปแล้วกว่า 46 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท และเตรียมดำเนินการเพิ่มเติมอีก 21 คดี

สำนักงาน คปภ. มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาอุตสาหกรรมประกันภัยไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง ควบคู่กับการป้องกันการฉ้อฉลประกันภัย โดยจะมีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลรายงานการฉ้อฉลด้านการประกันภัย ด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อใช้ตรวจจับกรณีที่มีความผิดปกติให้มีประสิทธิภาพ แม่นยำ และรวดเร็วได้แบบ Real Time แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการคุ้มครองประชาชนที่มีการเรียกสินไหมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

Visitors: 2,979,616