“ธรรมชาติทรายแก้ว” ตั้งเป้าพัฒนาเทคโนโลยีผลิตแร่คุณภาพสูง มุ่งใช้พลังงานสะอาดรับเทรนด์โลก
เหมืองแร่ธรรมชาติทรายแก้วโชว์เทคโนโลยีกระบวนการผลิตทันสมัยแยกแร่เหล็กออกจากทรายแก้วเพื่อให้ได้ทรายแก้วคุณภาพสูงด้วยกรรมวิธีDouble Spirals พร้อมส่งห้อง Lab ตรวจสอบมาตรฐานก่อนส่งมอบให้ลูกค้าเพื่อความมั่นใจ ตั้งเป้าอนาคตเตรียมพัฒนานวัตกรรมใหม่ เพื่อลดต้นทุนพลังงาน มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน
นายวัลลภ การวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธรรมชาติทรายแก้ว จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายทรายแก้วคุณภาพดี กล่าวว่า ทรายแก้วเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมแก้วและกระจก อุตสาหกรรมเซรามิก อุตสาหกรรมหล่อโลหะ อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งอุตสาหกรรมเหล่านี้มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้ความต้องการทรายแก้วเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ผู้ประกอบการเหมืองแร่และโรงแต่งแร่จึงต้องพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิตทรายแก้วให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์และตอบสนองการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ปัจจุบันบริษัทฯ ได้ผลิตทรายสำหรับสนามกอล์ฟ เกรดที่เหมาะสำหรับการใช้งานซึ่งทรายมีสีขาวนวลไม่บาดตาเมื่ออยู่กลางแสงแดด ระบายน้ำได้ดีหลังฝนตก โดยเฉพาะเมื่อมีกระแสลมแรงเม็ดทรายจะไม่ปลิวตามแรงลม เนื่องจากมีการคัดทรายที่มีขนาดเล็กกว่า Mesh200 (75ไมครอน) ออก ประกอบกับได้ผ่านการล้างถึง 3 ครั้ง ทำให้ทรายสะอาดไม่มีฝุ่นเมื่อต้องกระแสลม ซึ่งเทคโนโลยีที่ใช้สำหรับการผลิตนั้นต้องการทำให้เกิดฝุ่นน้อยที่สุด หรือไม่เกิดเลย จึงต้องใช้วิธีการวางผังที่เข้มงวดและกำหนดระยะในการจัดวางเครื่องจักรไม่ให้คลาดเคลื่อน โดยกรรมวิธีการผลิตจะเริ่มตั้งแต่โหลดทรายใส่สายพานที่ควบคุมจำนวนตันต่อชั่วโมงไปสู่ตะแกรงร่อนคัดกรวดและขยะออก จากนั้นส่งทรายเข้าสู่ตะแกรงล้างและทำความสะอาดขัดผิวทรายที่มีสิ่งสกปรกเคลือบที่ผิวเม็ดทรายออกไป” นายวัลลภ กล่าว
หลังจากนั้นนำเข้าสู่กระบวนการคัดเม็ดทรายให้ได้ขนาดตามมาตรฐานของแต่ละอุตสาหกรรมที่ต้องใช้อีก 2 ครั้งเพื่อให้การกระจายตัวของเม็ดทรายสม่ำเสมอ จากนั้นจะส่งทรายเข้าสู่กระบวนการแยกแร่เพื่อให้ได้ทรายที่มีคุณสมบัติอยู่ในมาตรฐาน ซึ่งในกระบวนการนี้ต้องมีการชั่งน้ำหนักควบคุมปริมาณทรายและน้ำให้ได้สัดส่วนตามที่กำหนดไว้ จึงจะได้ทรายคุณภาพดี และส่งทรายผ่านเครื่องส่งที่คิดค้นขึ้นสามารถส่งได้ในระยะไกลถึง 200 เมตร ไปกองไว้แต่ละกองตามชนิดของอุตสาหกรรม โดยมีป้ายบอกสถานะด้วยวาล์วปิดเปิด ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบตลอดเวลาผ่านกล้องด้วยระบบควบคุมออโตเมติกส์ที่มีการติดตั้งในทุกจุด และมีการเข้าไปเก็บตัวอย่าง เพื่อ QC ในแต่ละกองก่อนที่จะนำไปส่งลูกค้า
นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทรายแก้วยังติดเงื่อนไขว่าห้ามส่งออกเพราะเป็นวัตถุดิบที่มีจำนวนจำกัด จึงมีการประกาศห้ามส่งทรายแก้วออกต่างประเทศให้สงวนไว้ใช้ภายในประเทศเท่านั้น เพื่อสนับสนุนสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้อุตสาหกรรมปลายน้ำที่ต้องการวัตถุดิบคุณภาพดีในราคาไม่แพง ขณะเดียวกันก็มีผู้ผลิตบางรายที่ผลิตทรายแก้วเน้นขายเพียงปริมาณ ไม่เน้นคุณภาพด้วยราคาที่ถูกกว่าผู้ผลิตคุณภาพหลายราย ทำให้ผู้ผลิตสินค้าปลายน้ำรายใหญ่หันไปซื้อในราคาที่ถูกเน้นปริมาณ ส่วนผู้ผลิตเหมืองแร่ทรายแก้วคุณภาพดีรายอื่นก็จำต้องลดราคาลงไปและแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทำให้เป็นอุปสรรคสำหรับการผลิตทรายแก้วคุณภาพดีในภาพรวมพอสมควร
อย่างไรก็ตามสำหรับ “ธรรมชาติทรายแก้ว” ยังคงยืนหยัดในการผลิตวัตถุดิบทรายแก้วคุณภาพ มุ่งเน้นหาแนวทางการลดต้นทุนการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยสอดรับกับเทรนด์โลกที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป