EGCO Group จัดพิธีเปิดโรงไฟฟ้า EGCO Cogeneration (ส่วนขยาย) อย่างเป็นทางการ

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group จัดพิธีเปิดโรงไฟฟ้า EGCO Cogeneration (ส่วนขยาย) อย่างเป็นทางการ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ บริษัท เอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น จำกัด ตำบลมาบข่า อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง เพื่อขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนกับการพัฒนา ก่อสร้าง รวมทั้งสนับสนุนให้โรงไฟฟ้า EGCO Cogeneration (ส่วนขยาย) เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์และจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้สำเร็จ

 

พิธีเปิดโรงไฟฟ้าฯ อย่างเป็นทางการ ได้รับเกียรติจาก นายกัฬชัย เทพวรชัย (กลาง) รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง มาเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ดร.กัมปนาท บำรุงกิจ (ที่ 2 จากซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานปฏิบัติการ EGCO Group และ Mr. Takashi Jahana, Managing Executive Officer (ที่ 2 จากขวา) บริษัท เจ.พาวเวอร์ จำกัด ร่วมเป็นประธานตัดริบบิ้น โดยมี นางสาวนิรมาณ ไหลสาธิต (ซ้ายสุด) กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ รับผิดชอบสายลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และ นายวันชัย รตินธร (ขวาสุด) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นสักขีพยาน

 

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีผู้ถือหุ้นร่วม บริษัท เจ.พาวเวอร์ เจนเนอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กลุ่มธนาคารผู้ให้เงินกู้ กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม หน่วยงานราชการท้องถิ่น และชุมชนอำเภอเมืองระยอง อำเภอบ้านค่าย และอำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง ให้เกียรติมาร่วมพิธีเปิดโรงไฟฟ้าฯ ในครั้งนี้

 

โรงไฟฟ้า EGCO Cogeneration (ส่วนขยาย) ซึ่ง EGCO ถือหุ้น 80% และ J-Power Holdings (Thailand) Co., Ltd. ถือหุ้น 20% สร้างขึ้นเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม มีกำลังผลิตสุทธิ 74 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าประเภท Cogeneration ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง โดยเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์และจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2567 ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กทดแทน (SPP Replacement) จำนวน 28 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 25 ปี และจำหน่ายไฟฟ้าส่วนที่เหลือและไอน้ำจากกระบวนการผลิตให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมในพื้นที่สวนอุตสาหกรรมระยองและพื้นที่ใกล้เคียง 

 

โรงไฟฟ้าแห่งนี้ยังใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่สามารถลดปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติต่อหน่วยลง 15% จากที่ใช้ในโรงไฟฟ้าเดิม ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการดำเนินงานและการเติบโตของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้าของประเทศ

Visitors: 2,012,581