ก.ทรัพยากรฯ-ก.อุตสาหกรรม รุกป้องกันฝุ่น PM2.5 จากอ้อยไฟไหม้
นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ) เปิดเผยว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้จัดทำแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ใน 3 พื้นที่ประกอบด้วย พื้นที่ในเมือง พื้นที่ป่า และพื้นที่เกษตรกรรม โดยในช่วงเดือนธันวาคม-เมษายนของทุกปี จะเกิดปัญหา PM2.5 ในหลายพื้นที่ของประเทศ และเป็นช่วงเวลาที่ตรงกับฤดูเก็บเกี่ยวอ้อยเข้าโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศ โดยปีนี้ คาดว่า ผลผลิตอ้อยทั่วประเทศจะเพิ่มขึ้น มีพื้นที่เพาะปลูกอ้อยประมาณ 12 ล้านไร่ และมีจำนวนอ้อยเข้าหีบจำนวนประมาณ 74 ล้านตัน โดยประมาณ การว่าจะมีอ้อยไฟไหม้เข้าหีบในสัดส่วนร้อยละ 30 ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2564-2566 พบจุดความร้อนในพื้นที่ปลูกอ้อย ประมาณร้อยละ 3-4 ของพื้นที่เพาะปลูกอ้อยทั้งหมดทั่วประเทศ ทำให้การดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้ ยังไม่เป็นไปตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 ซึ่งกำหนดให้ปริมาณอ้อยไฟไหม้เข้าหีบในฤดูการผลิตปี 2565/2566 ไม่เกินร้อยละ 5 และในฤดูการผลิตปี 2566/2567 ปริมาณอ้อยไฟไหม้เข้าหีบต้องเป็น 0 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
นายปิ่นสักก์ กล่าวว่า ตนเอง และ นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ประชุมร่วมกับทีมผู้บริหาร คพ. และ สอน. เพื่อหารือแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นไปตามมติ ครม. และยกระดับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) จากอ้อยไฟไหม้ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่ง สอน. ตรวจพบพื้นที่ปลูกอ้อย ที่มีไฟไหม้ ซ้ำซาก ยังคงมีอยู่ในบริเวณรอยต่อระหว่างจังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา และบริเวณรอยต่อจังหวัดขอนแก่น อุดรธานี กาฬสินธ์ และมหาสารคาม และนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้ คพ. แจ้งไปยังจังหวัดดังกล่าวที่มีไฟไหม้ซ้ำซากในพื้นที่ปลูกอ้อย ให้ยกระดับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา PM2.5 จากอ้อยไฟไหม้อย่างเข้มงวดต่อไป
นอกจากนี้ ในระยะยาว คพ. และ สอน. จะได้ทำงานอย่างใกล้ชิด โดยมีแผนจะร่วมกันจัดทำ After Action Review และจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อยกระดับมาตรการระยะยาวสำหรับเตรียมฤดูกาลเปิดหีบในปีถัดไป โดยจะมีมาตรการที่สำคัญได้แก่ มาตรการส่งเสริมช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยด้วยเทคโนโลยีและ องค์ความรู้ทางวิชาการ ควบคู่ไปกับมาตรการด้านบังคับใช้กฏหมายตามพระราชบัญญัติโรงงาน พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และพระราชบัญญัติการสาธารณสุข นายปิ่นสักก์ กล่าว