ไอ.พี.วัน (I.P. ONE) ผู้นำตลาด FMCG สัญชาติไทย ประกาศความสำเร็จแบรนด์ไฮยีน (Hygiene) ครองแชมป์แบรนด์อันดับหนึ่งที่ผู้บริโภคเลือกซื้อสูงสุด “The Most Chosen Brand” ในกลุ่ม Home Care ถึง 5 ปีซ้อน พร้อมพ่วงอีกหนึ่งรางวัล “Top Growing Brand” รางวัลแบรนด์ดาวรุ่งที่ผู้บริโภคเลือกซื้อเติบโตสูงสุด จากเวที Kantar Brand Footprint Thailand 2023 Awards ตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ที่สร้างสรรค์นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์คุณภาพออกสู่ตลาดเพื่อผู้บริโภคชาวไทยและต่างประเทศทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง “ไฮยีน” ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญการดูแลผ้า เพียบพร้อมด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี เป็นแบรนด์เดียวในไทยที่มีผลิตภัณฑ์การดูแลผ้าครบทุกขั้นตอน ช่วยให้การดูแลผ้าสมบูรณ์แบบ จึงทำให้แบรนด์ไฮยีนสามารถครองใจ และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลายครอบคลุมทุกพื้นที่ และเติบโตได้อย่างยั่งยืน
นายอุทัย ธเนศวรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอ.พี. วัน จำกัด กล่าวว่า “ไอ.พี.วัน เป็นองค์กรผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าในกลุ่ม FMCG สัญชาติไทย ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เพราะเราเชื่อว่าคุณภาพที่ดีเป็นสิ่งที่ยั่งยืน ด้วยปรัชญา และความมุ่งมั่นในการส่งมอบสิ่งดีๆ สู่ผู้บริโภคในประเทศไทย และต่างประเทศ ให้ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานการผลิต และคุณภาพระดับสากล โดยปัจจุบันมีแบรนด์ในเครือมากมาย ทั้งกลุ่มน้ำยาทำความสะอาดสุขภัณฑ์ และพื้นผิว “วิกซอล” (Vixol) และ “วิซ (Whiz)” กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล “แดนซ์ (Dance)” และ “โฟกัส (Focus)” กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม “ไอวี่ (Ivy)” และแบรนด์ที่ถือเป็นไฮไลท์โปรดักส์ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลผ้า “ไฮยีน (Hygiene)” ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ภายใต้แนวคิด “Innovate Passionately For The Future of Better Living” มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่ออนาคตการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น ผ่าน 3 แกนหลัก คือ “In Love” ความมุ่งมั่น ใส่ใจในทุกๆ ขั้นตอนเพื่อให้มั่นใจในคุณภาพของสินค้า “Insightful” การพัฒนาสินค้าจากความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง “Innovation” การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรม กล้าที่จะทำสิ่งที่แตกต่าง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค จากความตั้งใจในการดำเนินธุรกิจส่งผลให้ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ต่างๆ ภายใต้การบริหารงานของ ไอ.พี. วัน มีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะแบรนด์ไฮยีนที่ในปีนี้คว้าความสำเร็จกับ 2 รางวัลใหญ่ได้แก่ The Most Chosen Brand ในกลุ่ม Home Care ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 และ Top Growing Brand จากเวที Kantar Brand Footprint Thailand 2023 Awards อันเป็นเครื่องหมายการันตีคุณภาพของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี”
ด้าน นายชยนต์ เจตน์จิราวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มงานกลยุทธ์และกลุ่มงานคอมเมอร์เชียล บริษัท ไอ.พี. วัน จำกัด กล่าวว่า “ไฮยีน (Hygiene) ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เป็นความภาคภูมิใจของ ไอ.พี. วัน ที่มุ่งมั่นพัฒนามาอย่างต่อเนื่องด้วยการนำนวัตกรรมมาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ปัญหาการดูแลผ้าของคนไทย โดยปัจจุบันถึงแม้ว่าจะมีคู่แข่งรายใหม่เกิดขึ้นมากมาย รวมถึงความท้าทายด้านเศรษฐกิจในประเทศ แต่แบรนด์ไฮยีนก็ยังเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า เพื่อเพิ่มการจดจำแบรนด์และขยายฐานผู้ซื้อมากยิ่งขึ้น เช่น ไฮยีน เอ็กซ์เพิร์ทวอช ผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรเข้มข้นชนิดน้ำ “สูตรป้องกันผ้าสีตกใส่ แอนตี้ คัลเลอร์ ทรานเฟอร์” ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่นำเอา Insight ของผู้บริโภค มาสู่นวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ซักผ้า ขจัดคราบหนักฝังลึกและกลิ่นอับติดแน่นได้อย่างหมดจด กลิ่นหอมสดชื่น พร้อมเทคโนโลยี แอนตี้ คัลเลอร์ ทรานเฟอร์™นวัตกรรมป้องกันสีตกขณะซัก ซักรวมได้ ไม่ต้องแยกผ้าก่อนซักอีกต่อไป ใช้ได้ทั้งผ้าสีและผ้าขาว ไฮยีน เอ็กซ์เพิร์ท แคร์ ไลฟ์เซ้นท์ ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้นพิเศษ ครั้งแรกของการผสาน 2 เทคโนโลยีในการดูแลผ้า ด้วยเทคโนโลยี Life Scent® ไลฟ์ เซ้นท์ ผสาน Premium Rose Water บำรุงลึกขั้นสุดถึงใยผ้า ประสบการณ์ใหม่ของการดูแลผ้าอย่างล้ำลึก พร้อมพลังความหอมเข้มข้นตลอดการสวมใส่ ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของไฮยีนเท่านั้น กับ 2 กลิ่น ใหม่ มิราเคิล บลูม และแองเจิล บลูม
นายชยนต์ กล่าวต่อว่า “ภายใต้แนวคิด "ความยั่งยืน" (Sustainability) ซึ่งไฮยีนเป็นแบรนด์แรกในประเทศไทยที่นำนวัตกรรมไบโอดีเกรดเดเบิล (Biodegradable) ลดการปล่อยของเสียสู่ธรรมชาติมาปรับใช้กับบรรจุภัณฑ์มากว่า 30 ปี ซึ่งนับเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่น ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ควบคู่ไปกับให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม” ทำให้ ไอ.พี. วัน นำแบรนด์ไฮยีนเติบโตอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นผู้เล่นที่มีความโดดเด่นในตลาด FMCG”